วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"อโหสิ"


แผ่เมตตา ให้ศัตรู ทุกผู้นาม
จักนำความ สง่างาม หน้าเลื่อมใส 
เพราะไม่มี พยาบาท สิงในใจ 
ที่รักใคร่ ของมนุษย์ แลเทวา


"กรรม" ไม่มีวันหยุด


กรรม มันติดตามเราทุกวินาที 
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว 
กรรมเก่าไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี 
เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่
กรรมใหม่ ดีหรือไม่ เรากำหนดได้ 
ด้วยการกระทำของเรานะคะ
กงล้อแห่งกรรม เค้าทำงานทุกวัน 
ไม่หยุดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ 
นะ จะบอกให้

"บุญ"


"ข้าวใครกิน ใครอิ่ม" "บุญ" ผู้ใดทำ ผู้นั้นได้" 
ธรรมะดีๆ เราได้ฟัง เราอาจจะเข้าใจ 
แต่ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติตาม 
เราจะไม่มีโอกาสเข้าถึงธรรมนั้นๆ 
ธรรมะเปรียบเหมือนการกินข้าว 
คนอื่นกินเขาก็อิ่มเข้าก็อร่อยเขามาเล่าให้เราฟัง 
ว่ามันอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ 
เราได้แต่ฟัง รู้ว่ามันหวาน มันอร่อย 
แต่ถ้าเราไม่ได้กิน เราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลยว่า ที่ว่าอร่อยมันอร่อยแค่ไหน 
ทำบุญก็เหมือนเขากินข้าว เขาทำ เขากิน เราจะอิ่มได้ยังไง จริงมั้ย


"ยถากรรม"


เรื่องของกฏแห่งกรรมในพระพุทธศาสนานั้นมิใช่สอนให้ปล่อยไปตาม ยถากรรม

1. ในยุคพุทธกาล พระสารีบุตร ในครั้งพุทธกาล พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า เณรบวชใหม่คนหนึ่งจะ มรณะในอีก 7 วัน ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อโปรด บิดามารดาและญาติโยมทางบ้านเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังวัดเหมือนเดิม พระสารีบุตรแปลก ใจว่าเพราะเหตุใดเณรไม่ตาย ท่านจึงได้สอบถามเณร เณรได้เล่าว่า ระหว่างทางที่ไปได้พบปลาจำนวนหนึ่งในหนองน้ำที่ใกล้แห้งจึงได้ช้อน ปลาไป ปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ

ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตรจึงทราบได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้า กรรมนายเวรของเณร และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยให้รอดชีวิต เท่ากับว่าได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง เจ้ากรรมนายเวรนั้นได้ อโหสิกรรม 


"ละทิ้ง"


นิสัยที่ต้องละทิ้ง 
1. เลิกสอดรู้ สอดเห็นเรื่องคนอื่น 
2. เลิกผูกใจเจ็บแค้นอาฆาต 
3. เลิกปัดความผิดให้พ้นตัว 
4. เลิกจุกจิกจู้จี้ขี้บ่น 
5. เลิกอิจฉาริษยา


"ธรรมะ" แท้ๆ


ผู้รู้จริงจะไม่พูด ของจริงนั้นเป็นใบ้ 
ธรรมะแท้นั้นมีคุณค่าในตัวเอง 
ไม่จำเป็นต้องออกไปคุยโวโม้แล้วจึงมีค่า 
ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่น มาให้รางวัลแล้วจึงมีค่า 
ทองแท้ไม่ต้องการคำชม


"ชีวิต"


ในบางครั้งที่ชีวิต"ตกต่ำ" อย่ายอมเป็นก้อนหิน"ตกน้ำ"

แต่จะเป็นตะวัน"ตกดิน"ที่สิ้นแสง 

เพื่อรอที่จะขึ้นฉายในอีกฟากฟ้าหนึ่งของพรุ่งนี้


"มุมมอง"


คนมองโลกแง่ร้าย คือ ผู้ที่เห็นความยุ่งยากในทุกโอกาส 

ขณะที่คนมองโลกในแง่ดี จะเห็นโอกาสในทุกความยุ่งยาก

"โลกคือมายา"


โลกคือมายา ตัณหาล้วนแสงสี 
หลงอวดตัวมั่งมี ล้วนเอาดีมาอวดกัน 
แท้จริงมันแค่เปลือก ที่ต้องเลือกแก่นกระพี้ 
หาใช่แค่ผักชี หรือแสงสีที่งดงาม


"ความเมตตา"



เมตตานั้นนำมาซึ่งความสุข

สุขทั้งเราสุขทั้งเขา โทสะนั้นนำมาซึ่งทุกข์

ทุกข์ทั้งเราทุกข์เขา ทำอะไรออกไป

ตัวเองคือผู้รับ ให้อะไรออกไปคืนมาทั้งสิ้น

เกื้อกูลผู้อื่นคือ เกื้อกูลตนเอง

ทำร้ายผู้อื่นคือ ทำร้ายตนเอง

โลกนี้คือกระจกเงาบานใหญ่

ทำอะไรออกไปจะสะท้อนกลับมาให้ผู้ทำฯ

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

"สติ สัมปชัญญะ"




"สติและสัมปชัญญะ "
ธรรมคู่นี้เป็นเครื่องมือเยี่ยมที่สุดซึ่งธรรมชาติให้เรามา เพื่อรบทัพจับศึกกับกิเลสผู้ทรงพลัง ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อทีเดียว การทำความเข้าใจกับธรรมคู่นี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเราใช้สติสัมปชัญญะปฏิบัติ เจริญวิปัสสนา ตามแบบ ม
หาสติปัฏฐาน4

สติ ทำหน้าที่ระลึกรู้อารมณ์ที่ปรากฏกับจิตต่อหน้าต่อตา เช่นรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ รู้สึกกังวลรู้สึกกลัว รู้สึกสงสัย รู้สึกรัก รู้สึกชัง เป็นต้น

สัมปชัญญะ เป็นตัวปัญญา ทำหน้าที่รู้ชัดเห็นชัดในอารมณ์นั้นๆ ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน คือเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกายและจิตมีแต่ความแปรเปลี่ยนไปทั้งนั้น พระองค์สอนไม่ให้ยึดมั่นในสิ่งไม่แน่นอน มีอารมณ์อะไรผ่านมาผ่านไปก็ระลึกรู้อยู่เสมอ ผู้ปฏิบัติแค่สังเกตดูความเกิดดับเท่านั้น อะไรที่เกิดมาก็ปล่อยวางไป จิตที่ปล่อยวางอารมณ์คือจิตที่พ้นจากทุกข์

โบราณาจารย์ท่านเปรียบการเจริญสติสัมปชัญญะ
เหมือนชาวนาเกี่ยวข้าว คือสติทำหน้าที่รวบรวมข้าวเข้ามาไว้ในกำมือ(ดูอารมณ์)
และสัมปชัญญะทำหน้าที่เอาเคียวตัดรวงข้าวนั้น (วางอารมณ์)

"คุณค่าการสวดมนต์"



คุณค่าของการสวดมนต์ 
อยู่ที่การสำรวม กาย วาจา ซึ่งจัดเป็นศีล และจิตใจสงบ 
ผ่องแผ้วอยู่กับบทสวดเป็นสมาธิ เข้าใจความหมายของบทสวด 
เพิ่มพูนความคิดอ่านให้แตกฉานลึกซึ้ง จัดเข้าในปัญญา รวมความว่า 
เราสวดมนต์ให้ได้ "ศีล สมาธิ ปัญญา" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนา 
อย่าสวดให้ขาดทุน คือสวดแล้วเสียเปล่า ไม่ได้อะไร นอกจากอุปาทานว่าเราได้สวดแล้ว


                                               

              

"ความโกรธ"



“ความโกรธแค้นจากจิตใจของมนุษย์ เหมือนคลื่นสมุทรที่ซัดเข้าหาฝั่ง 
จะทำลายทุกสิ่ง ให้ราบพัง จนกระทั่งแรงโกรธจางหายไป” 





"หมา" หวง "ก้าง"



หมาหวงก้าง

    บุคคลที่หวงในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ไม่ ต้องการหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว , คนที่หวงของที่ตนเองไม่สามารถเอาได้ เช่น แมวไม่ใช้ดินสอแล้ว แต่ไม่ยอมให้ เพื่อนเพราะหวงเอาไว้คนเดียว ไม่ยอม แบ่งเพื่อนใช้ด้วย ถามตัวเองดูซิว่า วันนี้คุณกำลังทำตัวเป็นหมาหวงก้างอยู่รึเปล่า ถ้าเป็นคุณกำลังทุกข์รึสุขกับก้างที่คุณหวงไว้ ลองเปิดใจและปล่อยวาง ก้างในมือดีกว่ามั้ย เผื่อก้างนั้นจะมีประโยชน์กับคนอื่นมากกว่ามันจะอยู่ในมือเรา

"ใช่"หรือ"ไม่"


กับคำว่า…"รัก" ไม่มีคำว่า"ถูก" หรือ "ผิด"
ไม่มีคำว่า "ช้า" เกินไปหรือว่า "เร็ว" เกินไป
มีแต่คนที่ "ใช่" หรือ "ไม่" มันก็แค่นั้นเอง



"อยู่วัด"



…อยู่วัดอย่าวัดแต่เสื่อหมอน
พระท่านสอนให้วัดดัดนิสัย
วัดทวารทั้งสามตามวินัย
อย่าปล่อยให้วิบัติวัดให้งาม

…ไปวัดเพื่อดัดกายวาจาจิต
ทุจริตผิดกฏหมายพระท่านห้าม
เช่นกินเหล้าเข้าวัดจัดว่าทราม
ถูกประนามว่าทรชนคนเกเร

"บัว"พ้นน้ำ




บัวที่โผล่พ้นน้ำ ย่อมพ้นภัยจากสัตว์น้ำฉันใด
ใจที่พ้นจากกิเลสตัณหา ย่อมพ้นจากความทุกข์ฉันนั้น

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"คนจริงใจ"เกี่ยวอะไรกับ"ธรรมะ"




ถ้าได้ยินคำว่า "ธรรมะ"
แล้วร้องกับตัวเองว่า ‘ยี้’
หรือ ‘น่าเบื่อจัง’ ก็ขอให้ทราบว่า
คุณยังไม่ได้ต้องการความจริงใจเป็นเรื่องเป็นราว
เพราะคุณจะเจอคนจริงใจได้
ในหมู่คนมีธรรมะเท่านั้น
และเมื่อใดคลุกคลีกับธรรมะมากพอ
คุณจะพบว่าธรรมะ
ไม่ได้มีแต่ภาพกักบริเวณตนเองเพื่อหลุดพ้นจากกิเลส
คุณจะเห็นโลกในอีกมิติหนึ่ง
คือไม่ใช่เอาแต่มองหารูปเสียงน่าชอบใจภายนอก
แต่จะเริ่มแสวงหาความรู้สึกแสนด
น่าครอบครองอันเป็นภายใน

"ความตาย"



ความตาย เป็นเงาตามตัว
ความตาย อยู่ทุกลมหายใจ
ความตาย ทำให้ทุกสิ่งที่หามาทั้งชีวิตถูกกองทิ้งไว้
ความตาย แม้แต่กายอันเป็นที่รักก็มิอาจเอาไปด้วยได้
ความตาย มีสิ่งที่ตามไปด้วยคือบุญ-บาปที่ทำไว้

"เราจะอยู่แบบไหน"



เราจะอยู่แบบไหน

อยู่อย่างคน สนใจในความสะอาด
อยู่อย่างปราชญ์ สนใจในความรู้
อยู่อย่างครู สนใจในวิชา
อยู่อย่างหมา สนใจในการนอน
อยู่อย่างหนอน สนใจในของเน่า
อยู่อย่างสาวกของพระพุทธเจ้า
สนใจในความสะอาด สว่าง สงบ…

"พรุ่งนี้"กับ"ชาติหน้า" อะไรจะมาก่อนกัน


พรุ่งนี้ กับ ชาติหน้า ไม่รู้ว่าอะไรจะมาก่อนกัน
มันเร่งสั่งสมบุญกุศลไว้เถอะ เพราะอย่างน้อยเวลาตาย 
บุญจะได้ส่งให้ไปที่ดีดี

"รัก"


ถ้าคุณเหนื่อยกับการตามหารัก
ลองหยุดพักแล้วปล่อยให้รักตามหาเรา
บางทีเราอาจเจอรักเร็วกว่าที่เราจะตามหามันก็ได้


"สมมุติ"



• วันนี้คุณเดินมาไกลเกินกว่า
จะย้อนกลับไปแก้ไข
ความผิดพลาดของเมื่อวาน
แต่ยังไม่สาย
ที่จะปรับแก้แนวโน้ม
ความผิดพลาดของวันพรุ่ง
• อย่ามัวสมมุติว่าย้อนเวลาได้จะแก้อะไรดี
ให้สมมุติว่าถ้าสำนึกได้เดี๋ยวนี้
มีความคิดไหนให้เปลี่ยนบ้าง

"จะขุดเพื่ออะไร"



ขุดปมด้อยของคนอื่นขึ้นมาพูด ไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมฝังตัวเอง



วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"วัด"กะ"คุก"


ประตูวัด เปิดกว้าง ให้คนเข้า
แต่คนเขลา เดินเลย ไม่เข้าวัด
ประตูคุก ปิดแน่น แสนแออัด
คนยังพลัด หลงทางผิด ไปติดคุก

"ศีลอยู่ที่ไหน"






ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ
ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด
เงินไม่ได้อยู่ที่ เศรษฐี
แต่ศีลอยู่ที่ กาย ใจ ของเรา
ธรรมะอยู่ที่สติ
และเงินอยู่ทุกที่ที่มีความขยัน

"น้ำครึ่งแก้ว"

ผู้ที่ทำตนเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว
เราจะเติมน้ำลงไปได้อีกเสมอ
แต่ผู้ใดทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
เติมเท่าไหร่ก็จะล้นออกหมด
ฉะนั้น จะเป็นน้ำเต็มแก้วหรือครึ่งแก้ว
ก็แล้วแต่คุณเลือกเอานะคะ




วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ดูถูกเขา เท่ากับเรา ดูถูกตัวเอง"



" จะยากดีมีจนคนทั้งสิ้น
อย่าดูหมิ่นเดียจฉันท์กันเลยหนา
ตอนท่านเกิดท่านได้สิ่งใดมา
สุดท้ายลาโลกลับดับทุกคน"

"เลขศูนย์ก็มีค่า"

ตัวเลขศูนย์ ถึงมันจะไม่มีค่า 

แต่ถ้ามันไปอยู่หลังตัวเลขใดมันก็จะเพิ่มค่าให้ตัว

เลขนั้นมีค่ามากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

ฉะนั้นอย่าดูถูกคนอื่นหรือตัวเองว่ามีค่าแค่ 0



คุณกำลังทำอะไร


มีคนงาน 3 คน กำลังก่อสร้างบางสิ่ง 

เมื่อถามว่าพวกเขากำลังทำอะไร? 

คนงานคนแรกตอบว่า "กำลังทำงานหาเงิน"

คนที่สองตอบว่า "กำลังก่ออิฐ"

คนสุดท้ายตอบว่า "กำลังสร้างวิหาร"

คนที่หนึ่งทำเพื่อทน คนที่สองทำเพื่อทำ และอีกคนทำเพื่อธรรม

หลักอริยสัจ 4 ...



หลักอริยสัจ 4 ...

...ทุกข์...ให้รู้...

...สมุทัย...ให้ละ...

...นิโรธ...ให้แจ้ง...

...มรรค...ให้เจริญ...

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

"กงกรรม"




"ชีวิตนี้เปรียบด้วย แสงเทียน

เกิดดับกลับวนเวียน อย่างนี้

หมุนดั้งล้อเกวียน ไม่หยุด อยู่นา

ใครเล่าจะช่วยชี้ หักล้อ กงกรรม"

"วางไม่ลง"




"การวางไม่ลง"

เป็นความยึดติดอย่างหนึ่งและยังเป็นภาระที่ต้องแบกไว้อีกด้วย 

ด้วยเหตุนี้จึงมีจิตใจที่เปรียบเทียบและ

ไม่รู้จักพอ มีถูกกับผิด มีเกียรติกับเสื่อมเกียรติ เธอกับฉัน มีักับไม่มี ได้รับกับสูญเสีย ฯลฯ

ผูกพันมัดแน่นอยู่ภายในใจของเรา ชีวิตความเป็นอยู่ของเราจึงเกิดความกังวลทุกข์ร้อน 

ไม่มีความสุข เพียงเพราะวางไม่ลงเท่านั้น 

แต่กลับส่งผลกระทบถึงคนๆหนึ่งอย่างลึกซึ้งและยาวไกล ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ!




วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

"ดอกบัว"



อย่าทำร้ายปัจจุบันด้วยคมมีดแห่งอดีต


                     "จงเป็นดั่งบัวที่เกิดจากตม แต่กับได้รับความนิยมว่าเป็นดอกไม้ชั้นสูง"

"ปล่อย วาง"



"อยากโง่ จงยึดติด
                                                       
อยากผิด จงดันทุรัง

อยากฟัง จงเปิดใจ

    อยากสุขสบาย จงปล่อยวาง"

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

"พบคน พบธรรม"




"พบคน พบธรรม"

วนเวียนในจักรวาล สุขและทุกข์ ซ้ำๆไม่เคยพ้นไป

วนเวียนกำเนิดเกิดตาย ดั่งชีวิตนั้นมีเพียงเพื่อใช้กรรม
...
ดวงวิญญาณที่อ่อนที่ล้า เกิดขึ้นมาใต้เงาแห่งองค์พระพุทธและพระธรรม

เป็นทางเดียวสู่ทางนฤพาน อันเป็นทางที่หยุดใจ

โอ้อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา วิญญาณที่ทุกทนวนเวียนเหมือนไม่สิ้นสุด ความรักจำเริญตามแต่องค์พระพุทธ

ให้ใจมีพระธรรมนำทาง

คืนอันที่ก่อเกิดกรรม ติดและยึดยิ่งย้ำให้เกิดทุกข์ใจ เพียงกายสดับหลับไป แต่ไม่พ้นต้องวนมาเพื่อ
ใช้กรรม

"กินตับ" >>>>> ฟังเทศน์แล้วสบาย

"ฟังหู ไว้หู"



ฟังหูไว้หูดีกว่ามั้ย  เอาศีลธรรมมาจับให้โง่หาย

ฟังนะ ฟังอย่างตั้งใจ ฟังหูที่ไร ไว้หูทุกทีที 

อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นโดนหลอกหมดดี ฟังธรรมมะนั้นและของดี


หากคิดให้ดี หูสองข้างนี้มีไว้ทำไม

นั้นนะซิ นั้นนะซิ นั้นนะซิ ฟังหูไว้หูดีกว่ามั้ย

หากใครฟังแล้วไตร่ตรองได้ นั่นและหายโง่ทันที

จะงามที่สุดและเป็นเรื่องดี ถ้าฟังให้ดีหูคงไม่คัน

"กลอนสอนธรรม"


กลอนสอนธรรม

ชนะอื่น หมื่นแสน แม้นร้อยครั้ง

แต่ถ้ายัง แพ้กิเลส และเหตุผล

ไม่ยิ่งใหญ่ ไปกว่า ปัญญาชน

ผู้ข่มจิต พิชิตตน เพียงหนเดียว

"ดี-ไม่ดี"


"คนดี" เป็นแบบอย่างให้คนไม่ดี 

"คนไม่ดี"  ก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนดี

เรียนรู้แล้วนำไปใช้ จึงจะดี

"พอ"



"พอ"เป็นสิ่งที่หายากในหมู่คน"โลภ"
"นิ่ง"เป็นสิ่งที่หายากในหมู่คน"โกรธ"
"หยุด"เป็นสิ่งที่หายากในหมู่คน"หลง"
"ธรรมะ"เท่านั้นที่หาได้ง่ายและมีอยู่ทุกที่

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

"จิตวิญญาณ"


จากจิตวิญญาณที่มีอวิชชาปกคลุม 

มาสู่พื้นพิภพนี้เพื่อหาวิธีถากถาง อวิชชาที่ปกคลุมอยู่ 

เพื่อจะได้เข้าถึงธรรมชาติที่แท้จริง

"อนุเสาวรีย์ของชีวิต"




ชีวิตคือการเดินทาง เรือนร่างเหมือนศาลาอาศัย

เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย คือปกติของชีวิต

อุดมการณ์ของชีวิต คือเกิดมาทำไม
...
อุดมการณ์ของชีวิตคือ วันตายมิใช่วันสุดท้ายของชีวิต

คำถามของชีวิต คือเราจะได้อะไรจากการเกิดมากชาติหนึ่งนี้

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหญิงคนหนึ่งแน่ๆ

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อชายคนหนึ่งแน่ๆ

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเที่ยวสนุกสนาน

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อยาเสพติด

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อ สุรา บุหรี่

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเล่นการพนัน

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเข้าไปอยู่ในคุกในตาราง

สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราเปื้อนจะเก็บไว้ทำไม

บาป ความชั่วทุกชนิด ล้วนทำให้ชีวิตเราแปดเปื้อนทั้งนั้น

สิ่งเพิ่มค่าชีวิตมิใช่เพชรนิลจินดา แต่คือ บุญ-ความดี

เหตุไรเราจึงไม่สั่งสมบุญ คุณความดี กุศล-ธรรมะ

ในโลกนี้มีของดีมีค่ามากมาย ทำไมเราจึงไม่เก็บ

เหตุไรเราจึงเสียดายความชั่ว ทำไมเราไม่โยนทิ้งไป

ความดีในโลกดุจสมบัติมีค่ามหาศาล เหตุไรหลายๆ คนเขาเก็บ แต่เราไม่เก็บ

ความชั่วดุจของเน่าเหม็น เหตุไรคนอื่นๆเขาไม่เก็บ แต่เราเก็บ

ความดีเป็นอนุสาวรีย์ของชีวิต

รีบสร้างความดี อนุสาวรีย์ของชีวิต ก่อนที่ตัวจะตาย

"มืด-สว่าง"



ความมืดสลัว ย่อมมัวหมอง

หวังพึ่งจ้อง ความชัดเจน ไม่เห็นหน

ดุจดั่งแสง ริบหรี่ ในใจคน

หวังซึ่งผล "ความแจ่มชัด" ไม่อาจเจอ

... แสงนั้นหรือ คือแสง แห่งปัญญา

บรรเจิดจ้า จรัสศรี มิฝันเพ้อ

ปรากฏแจ่ม กลางใจ ใช่ละเมอ

เมื่อพบเจอ ย่อมชัดเจน เพราะเห็นจริง

"คำสอนพระพุทธเจ้า"



คำสอนพระพุทธเจ้า

คนคนหนึ่งเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและ

ขอพรพระองค์โดยพูดว่า "ฉันอยากมีความสุข"
... 
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่่า ถ้าเจ้าอยากมีความสุข

ประการแรกให้ตัดคำว่า "ฉัน" ออกไปก่อนเพราะนั้น คือการยึดตัวตนคือหลงในอัตตา 

ต่อมาประการที่สองให้ตัดคำว่า "อยากมี" ออกไปเพราะนั้นคือ ความโลภ 

เมื่อเจ้าทำตามนี้ ที่นี่เจ้าก็จะมีแต่ "ความสุข" 

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

"เหนือฟ้ายังมีฟ้า"


เหนือฟ้ายังมีฟ้า 

"ที่สุดของกลางคือใจกลางและ กลางของกลาง.. ของกลาง.. ของกลาง....

ที่สุดของลึกก็ยังมีลุ่มลึกลงไป ลึกลงไป ลึกลงไป 

ที่สุดของความใส ก็ยังมียื่งกว่าใส ยิ่งกว่าใส ยิ่งกว่าใส 

ที่สุดของความไม่ยึดมั่น คือไม่ยึดมั่นแม้แต่ความไม่ยึดมั่น"

                                                                                   PJ Victory



กายนี้เราก็ยืมเค้ามา จิตเดิมแท้คือว่างเปล่า 

จะยึดไว้ให้ติดให้เกาะทำไม ปล่อยวางทุกสิ่งบ้างได้มั้ย

เหลือเวลาหายใจกันสักเท่าไร คิดได้มากมายลงมือทำได้แค่ไหน

                                                                                          สุดที่รัก รักที่สุด 


"โทสะ"




"เมื่อโทสะเข้าครอบงำคุณธรรมอยู่ที่ใด

เมื่อจิตแยกจากใจแล้วใครคือตัวตน

จิตหนึ่งดั่งพุทธะครองสมณะผ้าเหลืองใส

จิตหนึ่งร้อนดั่งไฟแผดเผาไหม้ใจของตน"

"แน่นอน"


หนทางตรงหน้าล้วนขวากหนาม

เพียงวิ่งไล่ตามความฝัน

หลงไปจนไร้คืนวัน

เดียวดายฉับพลันทันใด


แม้จิตยังคิดโหยหา

กายามิห่างไปไหน

แต่แล้วกับดูแสนไกล

เพราะใจเฝ้าไฝ่นิพาน


ร้อนรุ้มกลุ้มใจใคร่คิด

ดวงจิตถูกผิดท่ามกลาง

เหว่หว้าเดียวดายอ้างว้าง

ละวางฉับพลันทันที


ดีชั่วตัวทำพร่ำบอก

กลิ้งกลอกคำคนนั้นหนา

เจ็บแล้วเจ็บเล่าโสกา

น้ำตามิช่วยอันใด


โลกนี้มีอะไรแน่แท้

เกิดแก่เจ็บตายใช่มั้ย

ปล่อยวางกันบ้างเป็นไร

ยึดไปทำไมให้เสียเวลา



"ทำดีที่หน้าทำ"




ทำดีที่หน้่าทำ ทำกรรมใครกำหนด
ทำได้ควรละลด เศร้าสลดยามจากลา
ไปไกลกว่าที่คิด ตามติดถวิลหา
รักมากก็โสกา เมื่อถึงคร่าพลัดพรากกาย

ดวงจิตที่คงหมั่น ฝ่าฟันถึงเป้าหมาย
ขอเพียงช่วยผู้อื่นได้ แม้ตายก็มิกลัว
ถึงตัวถูกเค้าเกลียดชัง เป็นเพราะยังมิเข้าใจ
เป้าหมายและเสันชัย แลกเปลี่ยนไว้ซึ่งชีวี

สัญญาที่คงหมั่น ฉับพลันมิหน่ายหนี
แม้เส้นทางสายหนี จะไม่มีใครเข้าใจ
ขอทำดีเอาไว้ แม้ตายก็มิกลัว
ทำชั่วมันทำง่าย ใครทำได้ถ้วนทั่ว

ทำดีดีกับตัว อย่ามั่วหลงอบาย
โปรดได้ขอจงโปรดอย่าโทษทิ้งเป้าหมาย
เหตุร้ายจะกลับกลาย เป็นดีได้หากช่วยกัน
หมั่นสร้างแต่กุศล ผลบุญจะช่วยท่าน

ยามอยู่ได้ใช้พลัน ยามจากกันได้ไปสบาย
พ้นจากอเวจีหนทางดีมีมากหลาย
อย่าให้ต้องเสียด้ายรู้งี้ก่อนตายทำก็ดี
มีแล้วมันก็หมด ละ เลิก ลด กันนะพี่
หมั่นสร้างเถอะกรรมดี โลกหน้ามีทุนสำรอง

"ต้นหญ้ากะต้นข้าว"



“ใบของต้นหญ้า มิได้ต่างอะไรกับต้นข้าว
แต่ต้นข้าว ต่างจากต้นหญ้า เพราะเมล็ดของข้าว
บัณฑิต ต่างจากคนพาล เพราะผลของปัญญา”

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

ดวงตาเห็นธรรม


ดวงธรรม



ดวงตาเห็นธรรม

เหล่าโพธิสัตย์กำลังบำเพ็ญบารมี


ด้วยการนำหินยาของปู่ฤาษี 108 ไปใส่ในแม่น้ำ 9 สายในประเทศไทย


ปาฏิหารย์


ภาพปาฏิหารย์ ถ่ายได้ที่กว้านพะเยา

ปาฏิหารย์มีอยู่ทุกที่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเชื่อสิ่งที่คุณเห็นหรือเปล่าเท่านั้น