ธรรมคู่นี้เป็นเครื่องมือเยี่ยมที่สุดซึ่งธรรมชาติให้เรามา เพื่อรบทัพจับศึกกับกิเลสผู้ทรงพลัง ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อทีเดียว การทำความเข้าใจกับธรรมคู่นี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเราใช้สติสัมปชัญญะปฏิบัติ เจริญวิปัสสนา ตามแบบ ม
หาสติปัฏฐาน4
สติ ทำหน้าที่ระลึกรู้อารมณ์ที่ปรากฏกับจิตต่อหน้าต่อตา เช่นรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ รู้สึกกังวลรู้สึกกลัว รู้สึกสงสัย รู้สึกรัก รู้สึกชัง เป็นต้น
สัมปชัญญะ เป็นตัวปัญญา ทำหน้าที่รู้ชัดเห็นชัดในอารมณ์นั้นๆ ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน คือเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกายและจิตมีแต่ความแปรเปลี่ยนไปทั้งนั้น พระองค์สอนไม่ให้ยึดมั่นในสิ่งไม่แน่นอน มีอารมณ์อะไรผ่านมาผ่านไปก็ระลึกรู้อยู่เสมอ ผู้ปฏิบัติแค่สังเกตดูความเกิดดับเท่านั้น อะไรที่เกิดมาก็ปล่อยวางไป จิตที่ปล่อยวางอารมณ์คือจิตที่พ้นจากทุกข์
โบราณาจารย์ท่านเปรียบการเจริญสติสัมปชัญญะ
เหมือนชาวนาเกี่ยวข้าว คือสติทำหน้าที่รวบรวมข้าวเข้ามาไว้ในกำมือ(ดูอารมณ์)
และสัมปชัญญะทำหน้าที่เอาเคียวตัดรวงข้าวนั้น (วางอารมณ์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น